KNET คืออะไร?


เคเนท เป็น องค์กรผู้บริโภค เป็น นวัตกรรมทางการเงินที่ไม่เคยมีมาก่อน
เคเนท ไม่ใช่ขายตรง ที่มักมีหลุมพรางลวงให้ผู้คนลงทุนไปกับสิ่งที่ไม่ได้ต้องการจริง (Fake Demand) ซึ่งเป็นวิธีสร้างความร่ำรวยจากการสูญเสียของคนกลุ่มใหญ่

เคเนท สร้างขึ้นจากการนำแนวคิดสหกรณ์ผู้บริโภค (ที่ไม่มีใครขาดทุน) มารวมกับจุดแข็งในการคำนวณเงินปันผลแนวเครือข่าย (ที่คืนเงินได้คุ้มกับการทำงาน)
รองรับด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และการใช้ศักยภาพของเครือข่ายอินเตอร์เนท

คำเตือนที่ว่า "การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน" ใช้กับเคเนทไม่ได้ เพราะ เคเนท ไม่มีความเสี่ยง

เคเนท เลือกสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ในราคาสบายๆ ให้สมาชิกจับจ่ายผ่านระบบออนไลน์ที่สะดวก รวดเร็ว และง่ายดาย
เคเนท เปิดโอกาสให้สมาชิกสร้างกลุ่มผู้บริโภคด้วยวิธีการง่ายๆ ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
เคเนท มีระบบอัตโนมัตให้สมาชิกใช้เป็นเครืองมือในการทำงาน คำนวณผลตอบแทนแบบทันทีทันใด และดูแลการเงินให้สมาชิกตลอด 24 ชั่วโมง ให้บริการแก่สมาชิก ฟรี

เคเนท สามารถ ยึดเป็นเป็นอาชีพหลัก และ สร้างเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ (เป้ารายได้มากกว่า 1 แสนบาทต่อเดือน) ได้

เคเนท เป็นระบบสร้างรายได้สำหรับผู้บริโภค ที่ ง่าย, ฟรี และ ไม่มีหลุมพรางล่อลวงให้ลงทุนใดๆ ทั้งสิ้น

ทำไมเคเนทจึงเลือกทำตลาดสินค้าตัวเล็กๆ เฃ่น 'ยาสีฟัน' ?


มาดูว่าการบริโภค 'ยาสีฟัน' ในประเทศไทย มีมูลค่าปีละเท่าไร

เพื่อให้ง่าย สมมุติ คนหนึ่งคนแปรงฟันเช้า 1 บาท ก่อนนอน 1 บาท
รวมเป็นวันละ 2 บาท
ประชากรไทย 70 ล้านคน 70 X 2 = 140 ล้านบาท
เดือนละ 30 x 140 = 4,200 ล้านบาท
ปีละ 12 X 4,200 = 50,400 ล้านบาท

เคเนท มีแผนวางตลาด ยาสีฟัน สบู่ โฟมล้างหน้า แชมพู ผงซักฟอก และกลุ่มดูแลผิวหน้า ของที่ทุกคนต้องใช้ทุกวัน

แทรกตลาดด้วยระบบคืนเงินสู่สมาชิก ในจำนวนเงินที่ ยึดเป็นเป็นอาชีพหลัก หรือสร้าง เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ได้

มองด้วยตาจะเห็นแค่ยาสีฟัน แต่ถ้ามองด้วยความคิด มองด้วยวิสัยทัศน์ จะเห็นภาพใหญ่ที่คาดไม่ถึง

รายได้ของสมาชิกเคเนท มาจากไหน?

เมื่อเราจ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าทั่วๆ ไป เงินของเราส่วนหนึ่งจะเป็น

  1. ค่าจ้างจัดทำโฆษณาที่ใช้ดาราหรือนางแบบค่าตัวแพง
  2. ค่าออกอากาศหรือประชาสัมพันธ์ตามสื่อ
      เช่น ทางโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร
  3. ค่าอาคารสถานที่ สำนักงาน ค่าเช่าที่ตั้งสินค้า
      สำหรับสินค้าที่วางขายในห้างสรรพสินค้า หรือ ร้านสะดวกซื้อ
  4. กำไรสำหรับพ่อค้าคนกลาง ตามลำดับการกระจายสินค้าในระบบค้าส่ง
      (ตัวแทนระดับภาค, ระดับจังหวัด, ระดับอำเภอ, . . .)

เคเนทไม่ใช้วิธีการเหล่านี้ จึงสามารถนำเม็ดเงินทั้งหมดมาคำนวณเป็นโบนัส
และจ่ายให้สมาชิกตามผลงานที่กำหนดไว้ในแผนธุรกิจ

สมาชิก KNET ไม่มีทางขาดทุน จริงหรือ?


ธุรกิจแนวเดิมๆ ทำให้เรามีโอกาสสูญเสียเงินไปกับอะไรบ้าง :

  1. เงินลงทุนซื้อสินค้าเพื่อ การขึ้นตำแหน่ง หรือ สภานภาพตัวแทนจำหน่าย
  2. เงินเพื่อการ รักษาตำแหน่ง หรือ รักษาสถานภาพ ในแผนแบบที่มีกับดัก (Bait and Hook Plan)
  3. สินค้าที่ไม่สามารถขายออกไปได้ ที่กลายเป็น Dead Stock
  4. สินค้าจากการ รักษายอด ที่มากเกินกว่าที่จะบริโภคให้หมด
  5. ค่าใช้จ่ายในการ เดินทาง ด้วยวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น ไปประชุม ไปส่งสินค้า ติดตามลูกค้า ติดตามทีมงาน
  6. หนี้เสีย ที่เรียกเก็บไม่ได้จากลูกค้า หรือ ทีมงาน
  7. ค่าจัดการ ค่าดำเนินการ ค่าเลี้ยงรับรอง หรือค่าใช้จ่ายในการจัด กิจกรรม ในรูปแบบต่างๆ
  8. เงินลงทุนกับอาคารสถานที่ และค่าใช้จ่ายในการ จัดตั้งและบริหารศูนย์ แฟรนไชส์ หรือโมบาย

KNET ออกแบบให้สมาชิกแต่ละคนสั่งสินค้าใช้เองเท่าที่ต้องการ ไม่มีการตัดคะแนนทิ้ง ไม่มีการกล่อมให้เปิดตำแหน่ง
KNET เปิดโอกาสให้สมาชิกทำงานแบบออนไลน์อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งการขยายสายงาน การสั่งสินค้า และการชำระเงิน  เป็นการตัดค่าใช้จ่ายแอบแฝงอออกไปได้หมด

เมื่อสมาชิกใหม่ชั้นนอกสุด (ซึ่งมักใหม่ต่อธุรกิจ) ไม่ถูกล่อลวงให้ลงทุน ทั้งระบบก็จะไม่มีใครขาดทุน

สร้างรายได้จากเคเนทเดือนละแสน เป็นไปได้ไหม?


การทำโบนัสเบสิกเดือนละแสนดูแล้วน่าจะยาก แต่ถ้าเป็นสัก 1,000-2,000 น่าจะเป็นไปได้
เรียนรู้ Easy-3 ให้แน่น แล้วมามุ่งเน้น add เพื่อนเป็นสมาชิกสัก 50 คน ถ่ายทอด Easy-3 ให้ทั่วถึง
ถ้าแต่ละคนมีโบนัสเบสิกคนละ 2,000 โบนัสแมทชิ่งก็ถึงแสนแล้ว

KNET ไม่แนะนำให้ตั้งเป้าเป็นจำนวนเงินที่สูงมากเกินไป แต่จะเน้นให้เรียนรู้การสร้างองค์กรที่มีความมั่นคง
KNET จะสอนให้สมาชิกเข้าใจถึงองค์ประกอบต่างๆ ที่มีผลต่อความมั่นคง และวิธีการดูแลองค์ประกอบเหล่านั้นให้ถูกต้อง

มามองตรง "หยุดทำ รายได้ไม่หยุด" มีอะไรอย่างอื่นไหม ที่ให้อย่างนี้ได้
รายได้เดือนละสัก 2-3 หมื่น ตลอดชีวิต ตกทอดเป็นมรดกได้ พอไหม?

(ควรศึกษา แผนธุรกิจ จากคลิปวิดีโอในหน้าแรกของเวบประกอบไปด้วย)

EASY-3 หรือขั้นตอน 3 ง่าย คืออะไร?


ในระบบงานใดๆ ก็ตาม จะมีงานอยู่ 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ งานเกรด A และ งานเกรด B

งานเกรด A หมายถึง งานที่ส่งผลโดยตรงต่อปัจจัยหลักของความสำเร็จ (Key Success Factor) และส่งผลโดยตรงต่อเป้าหมายหลัก มีความสำคัญในอันดับต้นๆ มีผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจน เช่น การสั่งสินค้า, การชำระเงิน และการขยายกลุ่มผู้บริโภค
งานเกรด B หมายถึง งานเสริมที่สนับสนุนให้งานหลักบรรลุเป้าหมาย เป็นงานระดับล่างที่เป็นกลไกอยู่เบื้องหลัง ค่อนข้างเป็น Labor Intensive (งานออกแรง) มักมีต้นทุนสูง กินเวลามาก มีความยุ่งยากซับซ้อนในเนื้องาน เช่น การส่งสินค้า, การเดินทาง, การรับฝากซื้อสินค้าโดยออกเงินไปก่อน, การเรียกเก็บเงิน, การติดตามทวงหนี้สินคั่งค้าง, การจัดประชุม, การเช่าอาคารสถานที่, การลงทุนทำสำนักงาน ฯลฯ

เคเนท ได้ออกแบบให้ระบบอัตโนมัติ (โครงสร้างพื้นฐานและซอฟท์แวร์) ทำงานเกรด B แทนสมาชิก จึงทำให้สมาชิกสามารถทุ่มเทเวลาให้กับงานเกรด A ได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายแอบแฝงที่เกิดขึ้นจากงานเกรด B

EASY-3 คือ งานเกรด A ที่ได้รับการปรับปรุงให้กลายเป็น 3 ขั้นตอนง่ายๆ และสามารถถ่ายทอดสู่กันได้อย่างเป็นธรรมชาติ

เคเนท จึงเป็นธุรกิจที่ปราศจากความเสี่ยง ไม่มีการขาดทุน ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝงใดๆ . . . แต่ให้ ' ความมั่นคง ' และ ' อิสรภาพด้านการเงิน ' ได้จริง
อาจฟังดูไม่น่าเป็นไปได้ . . . แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว . . .

SoftStock คืออะไร? มีประโยชน์อย่างไร?


ในมุมของสมาชิก SOFTSTOCK เป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกในการทำสต็อกส่วนตัว เพื่อจำหน่ายหรือโอนสินค้าให้สมาชิกอื่นในละแวกใกล้เคียง หรือเพื่อความคล่องตัวในการขยายธุรกิจ . . . ผู้ซื้อสินค้าจาก SOFTSTOCK จะได้รับคะแนนทันทีเมื่อเจ้าของสต็อกยืนยันการโอน (Transfer) ในหน้าจอ ’SOFTSTOCK’ . . . สินค้าใน SOFTSTOCK สามารถโอนให้สมาชิกอื่นได้ทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในองค์กรของตนหรือไม่

ในมุมของภาพรวม SOFTSTOCK เป็นส่วนเสริมของระบบ Logistics หลัก (ระบบจัดส่งสินค้า) ที่จะทำให้เกิดจุดกระจายสินค้ากระจายอยู่ทั่วประเทศ
ในขณะที่ระบบ Logistics หลัก ต้องใช้เวลา 2-5 วันในการจัดส่ง (ด้วยบริการของไปรษณีย์ไทย) . . . SOFTSTOCK สามารถส่งมอบสินค้าให้ได้ทันทีที่มีผู้ต้องการ

ตามหลัก Economy of Speed ที่่ระบุไว้ว่า 'เมื่อมีใครคนหนึ่งเกิดความต้องการสินค้า เขาจะต้องได้รับสินค้านั้นภายในเวลาสั้นที่สุด'
Economy of Speed จะทำให้การขยายตัวของกลุ่มผู้บริโภคเป็นไปอย่างรวดเร็ว . . หากสมาชิกใหม่ได้รับสินค้าทันทีที่ต้องการ เขาอาจขยายกลุ่มธุรกิจได้ทันทีเช่นกัน ซึ่งจะส่งผลให้การเติบโตของธุรกิจของสมาชิกเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ราบรื่น และรวดเร็วยิ่งขึ้น

ไม่ต้องเดินทางไปประชุม เท่ากับคืนเวลาให้ครอบครัว จริงหรือ?


ธุรกิจแนวเครือข่ายแทบทุกบริษัท กระตุ้นความฝันของสมาชิกด้วยการประชุมอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง แต่ KNET มีแนวคิดที่ต่างออกไป

KNET จัดเครื่องมือและวิธีการที่สะดวก รวดเร็ว ง่ายดาย ให้สมาขิกต่างคนต่างซื้อสินค้าด้วยตัวเอง รวมถึงการให้ความรู้และข่าวสารแบบออนไลน์

ในครอบครัวที่ทำ KNET พ่อ แม่ ลูก สามารถช่วยดูแลธุรกิจด้วยกันได้ การนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อดูการขยายคัวของกลุ่มสมาชิก ติดตามดูยอดขายในกลุ่มของตัวเอง และดูตัวเลขรายได้ที่เพิ่มขึ้นๆ เป็นความรู้สึกที่น่าสนุก และเป็นการสร้างหลักประกันความมั่นคงในอนาคตของครอบครัว โดยไม่ต้องเสี่ยงกับการลงทุนหรือหลุมพรางทางการเงินอีกต่อไป

ถ้าคิดดูให้ดี การเดินทางไปประชุม เป็นการสูญเสียแบบซ่อนเร้น (Hidden Lost) ทั้งเวลาที่เคยให้กับครอบครัว ทั้งความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ในช่วงที่ค่าน้ำมันแพงเช่นทุกวันนี้

เรื่องน่ารู้ : ตลาดทุน ธุรกิจเครือข่าย และองค์กรผู้บริโภค ต่างกันอย่างไร?

โปรดติดตาม เร็วๆ นี้